17 กรกฎาคม 2563

าวล่าสุดจาก Brembo สำหรับฤดูกาลแข่งขัน F1

พัฒนาการใหม่ล่าสุดสำหรับระบบเบรกจาก Brembo เพื่อการแข่งขันชิงแชมป์ในสนาม F1

Brembo ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีให้กบัการแข่งรถยนต์ Formula 1 World Championship ซึ่งมีการเปิดตัวที่ Austrian GP
ประสบการณ์ที่สั่งสมในการแข่งระดับ F1 มาถึง 45 ฤดูกาลทำให้ Brembo สามารถออกแบบระบบเบรกที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับแต่ละทีมแข่งขัน
 
All the latest news from Brembo for the f1 season
 
จานเบรกคาร์บอนหกแบบ
การพิจารณาด้านอากาศพลศาสตร์สำหรับรถยนต์แบบนั่งคนเดียวในปี 2020 ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อฤดูกาลก่อนหน้ามากนัก โดยยังคงเน้นที่สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ปรับแต่งให้ดีขึ้น ทำให้รถทำความเร็วสูงสุดได้มากขึ้น ส่งผลให้ระยะเบรกมากขึ้นตามไปด้วย
 
รถยนต์นั่งเดี่ยวส่วนใหญ่มักใช้จานเบรกคาร์บอนด้านหน้าหนา 32 มม. และจานเบรกล้อหลังหนา 28 มม. ผู้ขับขี่แต่ละรายสามารถเลือกจานเบรกที่มีให้เลือกหกรุ่นสำหรับล้อหน้าและล้อหลัง พิจารณาจากอุณหภูมิระหว่างแข่ง Grand Prix และแผนการแข่งเฉพาะของทีม 
 
เมื่อปี 2019 Brembo ได้พัฒนาจานเบรกหน้าสามแบบให้แก่ทีมแข่ง (รุ่น 1480 รู - ประสิทธิภาพในการหล่อเย็นดีเยี่ยม - แบ่งออกเป็น 7 แถว ซึ่งถือเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด; รุ่น 1250 รู - ประสิทธิภาพในการหล่อเย็นสูง - แบ่งออกเป็น 6 แถว; รุ่น 800 รู - ประสิทธิภาพในการหล่อเย็นปานกลาง - แบ่งออกเป็น 4 แถว) โครงสร้างการระบายความร้อนทั้งสามรุ่นนี้ถูกนำกลับมาใช้อีกในปี 2020 โดยเสริมรายละเอียดในส่วนของแนวเส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอกเข้ามาเป็นแบบ “ร่องเซาะ
จานเบรกรุ่นใหม่แบบมี “ร่องเซาะ” อาศัยการเซาะแนวร่องที่เส้นผ่านศูนย์กลางด้านนอกของจานเพื่อนำแนวกระแสอากาศและพุ่งออกไปทางรูระบายอากาศของจานเบรก โครงสร้างเช่นนี้ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการหล่อเย็นวัสดุที่ดียิ่งขึ้น 
จานดิสก์แบบรู 7 แถวพร้อม “ร่องเซาะ” จึงเหมาะสำหรับสนามแข่งที่หฤโหดที่เป็นภาระอย่างหนักหน่วงสำหรับระบบเบรก เช่น Sakhir ที่บาห์เรน, Marina Bay ที่สิงคโปร์, Montreal ที่แคนาดา และ Yas Marina ที่อาบูดาบี ในสนามแข่งเหล่านี้ อุณหภูมิของจานเบรกอาจขึ้นสูงถึง 1,200 องศา
 
มีจานเบรกอยู่สองรุ่นที่ถูกผลิตใช้งานสำหรับระบบเบรกล้อหลังได้แก่ รุ่น 1250 รู (ประสิทธิภาพในการหล่อเย็นสูง) แบบ 5 แถว; รุ่น 800 รู (ประสิทธิภาพในการหล่อเย็นปานกลาง) แบบ 3 แถว
เป้าหมายเพื่อลดน้ำหนักของวัสดุ
Brembo ไม่เคยหยุดพัฒนาระบบเบรกโดยเน้นที่การลดขนาดของส่วนประกอบต่าง ๆ อย่างเต็มที่ในระบบ Brake by Wire รวมทั้งการเลือกใช้คาลิเปอร์อะลูมิเนียม-ลิเธียมที่มีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ Brembo ยังเตรียมคาลิเปอร์หกสูบแบบเก่าไว้ให้กับทีมแข่ง 8 จากทั้งหมด 10 ทีม ซึ่งเคยได้คะแนนประเมินตามข้อกำหนดในระดับสูงสุด
 
ในขณะเดียวกัน บริษัทยังต้องการเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนองการทำงานของระบบซึ่งนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่ม BBW ที่เป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกับรถยนต์ให้ดียิ่งขึ้น โดยในปี 2020 จะมีทีมแข่งถึง 4 ทีมที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Brake by Wire จาก Brembo
 
การปรับแต่งเฉพาะ การตรวจวัดระยะและการดูแลรักษา
เมื่อพิจารณาเงื่อนไขในการทำงานของรถยนต์แต่ละคัน แต่ละทีมจึงมีการประสานงานกับช่างเทคนิคของ Brembo เพื่อปรับสัดส่วนที่เหมาะสมระหว่างน้ำหนักและความแข็งของคาลิเปอร์เบรก โครงสร้างการออกแบบที่ซับซ้อนทำให้แต่ละทีมสามารถออกแบบคาลิเปอร์เบรกที่มีสัดส่วนน้ำหนัก-ความแข็งเฉพาะตามที่ต้องการ บางทีมอานต้องการคาลิเปอร์ที่เบาและแข็งน้อยกว่า ในขณะที่ทีมอื่น ๆ อาจต้องการคาลิเปอร์แบบดั้งเดิมที่เน้นความแข็งและมีน้ำหนักมาก ความลงตัวที่รอบด้านนี้ทำให้ Brembo สามารถพัฒนาระบบเบรกให้กับแต่ละทีมแบบอัตโนมัติ

เซ็นเซอร์ที่ติดตั้งช่วยให้ทีมแข่งสามารถทราบอุณหภูมิของจานเบรกและคาลิเปอร์ตลอดเวลา ข้อมูลนี้จะทำให้ช่างเทคนิคสามารถชี้แจ้งแก่ผู้ขับขี่ในการปรับสมดุลของระบบเบรกสำหรับรถยนต์นั่งเดี่ยวในกรณีที่พบความผิดปกติใด ๆ ขึ้น
ในส่วนของแผ่นเบรกคาร์บอน เมื่อปี 2020 Brembo ได้พัฒนาสารประกอบสองรูปแบบเพื่อให้ทีมแข่งได้เลือกใช้

โดยเฉลี่ยแล้ว แต่ละทีมเลือกที่จะสั่งคาลิเปอร์จาก Brembo 10 - 15 ชุดต่อปี: เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและพร้อมสำหรับสถานการณ์อุบัติเหตุต่าง ๆ และเผื่อในกรณีขาดแคลนวัสดุเพื่อการปรับแต่งเพิ่มเติม ทีมแข่งบางทีมเริ่มจากการสั่งผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนน้อย เนื่องจากคาดว่าอาจมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมระหว่างฤดูกาล เพื่อให้สามารถสั่งคาลิเปอร์รุ่นใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพิ่มได้ในภายหลัง

อายุการใช้งานของคาลิเปอร์สำหรับสนามแข่งสูตร 1 อยู่ที่ไม่เกิน 10,000 กม. ซึ่งในระหว่างนี้อาจมีการนัดหมายเพื่อปรับแต่งผลิตภัณฑ์โดย Brembo จากส่วนการผลิตของบริษัท ในส่วนของวัสดุเสียดทาน แต่ละทีมมีการเลือกใช้แผ่นเบรกระหว่าง 150 - 300 ชิ้น สูงสุดคือ 600 ชิ้นระหว่างฤดูกาลแข่ง
นโยบายความเป็นส่วนตัว">